ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในภาคการเงิน และกิจกรรมการควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ ในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 464.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด หรือ +0.59%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,675.90 จุด เพิ่มขึ้น 63.14 จุด หรือ +0.95%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,568.73 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด หรือ +0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,081.72 จุด เพิ่มขึ้น 49.42 จุด หรือ +0.70%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในยุโรป และการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งได้ผลักดันให้ตลาดปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นเม็กกิตต์ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมการบินของอังกฤษ พุ่ง 56.7% หลังบริษัทปาร์คเกอร์-ฮันนิฟินซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมของสหรัฐเปิดเผยว่า จะซื้อกิจการของเม็กกิตต์ในข้อตกลงมูลค่า 8.76 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแซนน์ กรุ๊ปซึ่งให้บริการด้านจัดการสินทรัพย์ของอังกฤษ พุ่ง 7.6% หลังเปิดเผยว่า อาจได้รับข้อเสนอเทคโอเวอร์จากบริษัทเอเพกซ์ กรุ๊ป
หุ้นโวโนเวียซึ่งเป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ของเยอรมนี พุ่ง 2.2% หลังเสนอซื้อกิจการดอยซ์ วูห์เนนซึ่งเป็นคู่แข่งเป็นมูลค่า 1.91 หมื่นล้านยูโร (2.27 หมื่นล้านดอลลาร์)
หุ้นแอกซ่าซึ่งเป็นบริษัทใหญาที่สุดอันดับสองของยุโรป พุ่งขึ้น 4.2% หลังเปิดเผยรายได้สุทธิครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 180%
หุ้นซีเนียร์ซึ่งเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องบิน พุ่งขึ้น 9.3% หลังรายงานผลกำไรครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับขาดทุนปีก่อน
หุ้นเพียร์ เมลโรส พุ่ง 5.2% และหุ้นโรลส์-รอยซ์ บวก 3.8%
หุ้นเดมเลอร์ บวก 1.5% หลังถูกรวมในรายการหุ้นที่โกลด์แมน แซคส์มีความเชื่อมั่น