ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ยังคงช่วยหนุนตลาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 468.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,746.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,692.13 จุด เพิ่มขึ้น 137.05 จุด หรือ +0.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด หรือ +0.26%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในยุโรปนั้น ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดด้วย
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนปรับตัวขึ้นแตะ 60.2 ในเดือนก.ค. จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 59.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2549
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าตัวเลขการประเมินเบื้องต้นที่ระดับ 60.6 อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่ปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
หุ้นโรชซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ซอฟท์แบงก์เข้าถือหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ในโรช