ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสู่แดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,744.24 จุด เพิ่มขึ้น 16.12 จุด หรือ +0.06% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,206.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.01%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายแห่งร่วงลงนำโดยตลาดหุ้นจีน หลังมีรัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าควบคุมธุรกิจในหลายภาคส่วน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 โดยล่าสุด นายคิม บู-คยอม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เตรียมขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลได้พยายามเร่งสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ หลังมีประชาชนป่วยหนักเพิ่มขึ้น ส่วนในสหรัฐบริษัทแอมะซอน อิงค์ ได้ประกาศเลื่อนการกลับเข้าทำงานในออฟฟิศออกไปจนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในขณะนี้ หลังจากที่มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้ประกาศมาตรการดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ส่วนความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า คณะบริหารของ RBA ได้พิจารณาร่วมกันว่าจะเลื่อนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มปรับลดในเดือนก.ย.นี้
คำชี้แจงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา RBA ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการตัดสินใจที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนก.ย. เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา