ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอาจแตะระดับสูงสุดแล้ว ขณะที่หุ้นกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,484.97 จุด เพิ่มขึ้น 220.30 จุด หรือ +0.62% และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,447.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.95 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,765.14 จุด ลดลง 22.95 จุด หรือ -0.16%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มวัสดุ เพิ่มขึ้น 1.42% ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ลดลง 0.97%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในรอบ 15 เดือน และได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดนโยบายผ่อนคลายเป็นพิเศษลงเร็วกว่าคาด
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสกล่าวว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนต.ค.
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงการอนุมัติแผนงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ด้วย
ข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นนอร์ตันไลฟ์ล็อค พุ่ง 8.7% หลังตกลงซื้อกิจการของบริษัทเอวาสต์ของอังกฤษเป็นมูลค่า 8.6 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นคอยน์เบส โกลบอล พุ่ง 3.24% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 สูงเกินคาด