ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมัน เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.08 จุด หรือ +0.66%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,683.10 จุด เพิ่มขึ้น 56.99 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,852.79 จุด เพิ่มขึ้น 44.75 จุด หรือ +0.28% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,109.02 จุด เพิ่มขึ้น 21.12 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงเกือบ 1.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด 2.1% และ 1.5% ตามลำดับ
บรรยากาศการซื้อขายเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินเมื่อใดนั้น ได้กระตุ้นแรงขายหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์ที่แล้ว โดยในขณะนี้ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งด้วย โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 59.5 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 60.2 ในเดือนก.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว แม้ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปัญหาด้านซัพพลายเชน
หุ้นไบออนเทคของเยอรมนี พุ่งขึ้น 7.6% หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ