ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกร่วงลงในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ซบเซา
ณ เวลา 19.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 51 จุด หรือ 0.14% สู่ระดับ 35,373 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 720,000 ตำแหน่ง จากระดับ 1,053,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.2% ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 5.4% ในเดือนก.ค.
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานในคืนนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาว่าจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.หรือไม่
ปัจจุบัน เฟดทำ QE ในวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ผลกระทบที่จะมีต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้นั้น เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง โดยตลาดหุ้นอาจดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดดังกล่าว จะทำให้เฟดยังไม่เร่งประกาศปรับลดวงเงิน QE แต่ตลาดหุ้นก็อาจร่วงลงเช่นกัน จากความผิดหวังของนักลงทุนที่มองว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19