ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลงในสหรัฐ และส่งผลให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเดินทางซึ่งมีรายได้ส่วนใหญ่จากตลาดสหรัฐนั้นถูกกดดันมากที่สุด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.93 จุด ลดลง 2.67 จุด หรือ -0.56%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,689.99 จุด ลดลง 73.09 จุด หรือ -1.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,781.20 จุด ลดลง 59.39 จุด หรือ -0.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.35 จุด ลดลง 25.55 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยถูกกดดันหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 720,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 1,053,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.2% ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 5.4% ในเดือนก.ค.
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงหนักที่สุด โดยร่วงลง 0.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มเดินทาง ร่วงลง 1%
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยบวกขึ้นเกือบ 2%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนหดตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค. เนื่องจากมาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ECB จะประกาศปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ในการประชุมดังกล่าว เมื่อพิจารณาจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา