ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นจีน หลังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้เรียกตัวแทนบริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ และเน็ตอีส อิงค์ ผู้พัฒนาเกมออนไลน์เข้าพบเพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับการดูแลภาคธุรกิจนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,959.21 จุด ลดลง 222.00 จุด หรือ -0.74% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,898.67 จุด ลดลง 422.26 จุด หรือ -1.60%
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของทั้ง 2 บริษัทดิ่งลงอย่างหนัก โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์, สำนักงานสื่อและสิ่งพิมพ์แห่งชาติ และหน่วยงานอีก 2 แห่งของจีนได้จัดการประชุมกับตัวแทนบริษัทเกมเพื่อสื่อสารถึงแผนของรัฐบาลจีนในการเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแล รวมถึงตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกข้อบังคับใหม่สำหรับธุรกิจวิดีโอเกม รวมถึงกำหนดให้เด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นวิดีโอเกมออนไลน์ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น
หน่วยงานต่างๆ ได้แจ้งต่อบริษัทดังกล่าวว่า ทางบริษัทต้องปฏิบัติตามข้อบังคับใหม่ และเลิกมุ่งเน้นการทำกำไรเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนติดวิดีโอเกม นอกจากนี้ บริษัทยังควรลบเนื้อหาเกมที่ผิดศีลธรรมและมีความรุนแรง และหลีกเลี่ยงการแสดงเนื้อหา "ที่เป็นไปในเชิงเชิดชูเงินตรา และทำให้เด็กผู้ชายมีท่าทางและลักษณะนิสัยเหมือนผู้หญิง"
รายงายข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของบริษัทเกมสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเน็ตอีสร่วง 5.2%, หุ้น Bilibili ร่วง 5.9% ขณะที่หุ้นของเทนเซ็นต์ซึ่งเป็นบริษัทเกมรายใหญ่ที่สุดของจีนนั้นร่วงลง 3% นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐโดยรวม ร่วงลง 3.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ตลาดให้ความสนใจนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 1% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะปรับตัวขึ้น 1% นอกจากนี้ ดัชนี CPI ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ในปีนี้ที่ระดับ 3%
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน พุ่งขึ้น 9.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 9% และเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะปรับตัวขึ้น 9% โดยมีสาเหตุมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้รัฐบาลจีนพยายามออกมาตรการสกัดความร้อนแรงของราคาก็ตาม ทั้งนี้ ดัชนี PPI เดือนส.ค.ขยายตัวที่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2551