ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) และปรับตัวลงมากกว่า 1% ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงิน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณที่จะชะลอการซื้อพันธบัตร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 466.34 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.26%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,663.77 จุด ลดลง 20.95 จุด หรือ -0.31% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,609.81 จุด ลดลง 13.34 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.20 จุด เพิ่มขึ้น 4.99 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อังกฤษเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงเกินคาดในเดือนก.ค. เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดัน หลัง ECB ส่งสัญญาณว่า จะลดลงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินลงในไตรมาส 4
หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นในระยะต่อไป
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรป ปรับตัวขึ้น 0.7% ขานรับข่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงโดยหวังที่จะลดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นไบออนเทค พุ่งขึ้น 2.5% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะยื่นขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเพื่อใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทในเด็กอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป