ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ แต่ตลาดปรับตัวลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. ขณะที่นักลงทุนบางส่วนขายหุ้นออกมาหลังจากการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศหยุดชะงักในเดือนก.ค. เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้น และได้รับผลกระทบจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.20 จุด เพิ่มขึ้น 4.99 จุด หรือ +0.07%
ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งปรับตัวขึ้น 1.5% โดยหุ้นริโอ ทินโต, หุ้นเกล็นคอร์ และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 1.2-1.8%
อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค. โดยเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเผชิญกับการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งใหม่
หุ้นเบอเบอร์รี กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.5% ตามหุ้นหลุยส์วิตตองของฝรั่งเศสซึ่งบวก 0.8% หลังเอชเอสบีซีปรับเพิ่มคำแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าว จากเดิมที่แนะนำให้ถือหุ้น