ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทะยานขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาด
ณ เวลา 17.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 213 จุด หรือ 0.62% สู่ระดับ 34,704 จุด
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในช่วงแรกในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ ขานรับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ปิดตลาดวันศุกร์ร่วงลง 271.66 จุด หรือ 0.78% โดยปรับตัวลง 5 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนส.ค.2557
ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อยืนยันทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เงินเฟ้อในสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ แต่จะปรับตัวลงในปีหน้า ขณะที่แนวโน้มมีความเสี่ยงในช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังกล่าวสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ แม้สหรัฐมีการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนส.ค.