ดาวโจนส์บวกกว่า 200 จุด "แอปเปิล" พุ่งก่อนเปิดตัว iPhone 13

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 13, 2021 21:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุดในวันนี้ หลังจากดิ่งลงในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาด

ส่วนราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิล อิงค์พุ่งขึ้น 1% ในการซื้อขายวันนี้ ก่อนการจัดอีเวนต์เปิดตัว iPhone 13 พรุ่งนี้

ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,831.21 จุด บวก 223.49 จุด หรือ 0.65%

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในช่วงแรกในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ ขานรับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ

อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ปิดตลาดวันศุกร์ร่วงลง 271.66 จุด หรือ 0.78% โดยปรับตัวลง 5 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนส.ค.2557

ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อยืนยันทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ราคาหุ้นของแอปเปิลพุ่งขึ้น 1% ในวันนี้ ก่อนการจัดอีเวนต์ประจำปีในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล เตรียมจัดอีเวนต์เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 15 ก.ย.ตามเวลาไทย

คาดว่าแอปเปิลจะตั้งชื่อ iPhone รุ่นใหม่ว่า iPhone 13 โดยจะมี 4 รุ่นคือ iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max

Apple Hub ซึ่งเป็นบล็อกที่รวบรวมข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแอปเปิล เปิดเผยว่า ราคา iPhone 13 ทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้จะมีราคาเริ่มต้นเท่ากับ iPhone 12 ทุกรุ่นที่ได้เปิดตัวไปในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

คาดว่า แอปเปิลจะเคาะราคา iPhone 13 เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์, iPhone 13 mini อยู่ที่ 699 ดอลลาร์, iPhone 13 Pro อยู่ที่ 999 ดอลลาร์ และ iPhone 13 Pro Max อยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์

ส่วน iPhone 12 มีราคาเปิดตัวในปีที่แล้วเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์, iPhone 12 mini อยู่ที่ 699 ดอลลาร์, iPhone 12 Pro อยู่ที่ 999 ดอลลาร์ และ iPhone 12 Pro Max อยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์

ทั้งนี้ iPhone 13 จะมีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านระบบดาวเทียมในการส่งข้อความในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากผู้ใช้มือถืออยู่ในสถานที่ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

นอกจากนี้ แอปเปิลจะเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องและชิป 5G ใน iPhone 13 รวมทั้งแบตที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่หน้าจอจะมี refresh rate ที่ดีขึ้นสำหรับคอเกม

คาดว่าแอปเปิลจะเริ่มเปิดรับ pre-order ของ iPhone 13 สำหรับประเทศในกลุ่ม tier-1 ซึ่งรวมถึง สหรัฐ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ก.ย. และเริ่มวางจำหน่ายในแอปเปิลสโตร์ในวันที่ 24 ก.ย.

ขณะเดียวกัน แอปเปิลเตรียมเปิดตัว Apple Watch Series 7 และ AirPods 3 ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน

ราคาหุ้นแอปเปิลดิ่งลงเมื่อวันศุกร์ ตามคำตัดสินของศาลสหรัฐในคดีที่แอปเปิลบังคับให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆใน App Store ใช้ระบบการชำระเงินของแอปเปิล

ทั้งนี้ ราคาหุ้นแอปเปิลดิ่งลง 3.3% เมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปราว 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังศาลสหรัฐตัดสินว่า แอปเปิลไม่สามารถบังคับให้เจ้าของแอปพลิเคชันต่างๆใน App Store ใช้ระบบการชำระเงินของแอปเปิลเมื่อมีลูกค้าซื้อสินค้าภายในแอป

คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้น หลังจากบริษัท Epic Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกมออนไลน์ ยื่นฟ้องต่อศาล เนื่องจากไม่พอใจที่แอปเปิลบังคับให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ใช้ระบบการชำระเงินของแอปเปิล ซึ่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 30% ของการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง

อย่างไรก็ดี ในคำตัดสินของศาล ผู้พิพากษาไม่ได้ระบุว่าแอปเปิลเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจในตลาด และแอปเปิลสามารถชนะ 9 ใน 10 คดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง

ทางด้านแอปเปิลออกแถลงการณ์ขานรับคำตัดสินของศาลดังกล่าว และมองว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของทางบริษัท

แอปเปิลไม่ได้ระบุว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในครั้งนี้หรือไม่ ในขณะที่ Epic Games แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินของศาล และยืนยันว่าจะทำการอุทธรณ์ต่อไป

ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า คำตัดสินของศาลจะกระทบต่อรายได้จากการให้บริการของแอปเปิล แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวมของแอปเปิล เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะยังคงซื้อสินค้าใน App Store ต่อไป และคำตัดสินของศาลจะไม่กระทบทิศทางการดำเนินงานของแอปเปิลในช่วง 5 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ