ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วขึ้น
ณ เวลา 13.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 311 จุด หรือ -0.90% แตะที่ 34,151 จุด
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงในช่วงเวลาเดียวกับที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าร่วงลงกว่า 900 จุด หลังจากราคาหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน ทรุดตัวลงกว่า 17% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้นั้น อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาคส่วนอื่นๆเป็นวงกว้าง
แลร์รี อดัม นักวิเคราะห์จากบริษัท Raymond James กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงข่าวรัฐบาลจีนใช้มาตรการควบคุมภาคเอกชน, ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ และความเป็นไปได้ที่สภาคองเกรสสหรัฐอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากปัจจุบันที่ระดับ 21% เป็น 26.5% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
นักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ รวมทั้งจับตาการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการ QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทไนกี้, เฟดเอ็กซ์ และคอสโค