ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด หรือ -1.78% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด หรือ -1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด หรือ -2.19%
ตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกตกอยู่ภายใต้ความตื่นหนก หลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ขณะที่นายแลร์รี เบรนนาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอส ลอมบาร์ด เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามออกไปจนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนจับตาเอเวอร์แกรนด์ซึ่งมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยในวันที่ 23 ก.ย. บริษัทมีกำหนดชำระดอกเบี้ย 83.5 ล้านดอลลาร์ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และในวันที่ 29 ก.ย.นี้ บริษัทมีกำหนดชำระดอกเบี้ย 47.5 ล้านดอลลาร์ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567 ทั้งนี้ หากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้ ทางบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นเหนือระดับ 28 ในวันจันทร์ (20 ก.ย.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดร่วงลงทั้งหมด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.04% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.31% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 3.14% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.66% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.06%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 2.9% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.304% อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ทั้งนี้ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.07% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.43% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.99% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.41%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 3.08% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.47% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.86% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.14% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.48% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2.6%
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลง หลังราคาบิตคอยน์ทรุดตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งความกังวลที่ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมออกกฎระเบียบควบคุมความเสี่ยงของ stablecoin ทั้งนี้ หุ้น Grayscale Bitcoin Trust ร่วงลง 8.34% หุ้น Coinbase ร่วงลง 3.53% หุ้น Silvergate Capital ร่วงลง 8.53% หุ้น Marathon Digital ร่วงลง 5.44%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐประกาศว่า ในเดือนพ.ย.นี้สหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางสำหรับผู้โดยสารที่ฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศจีน อินเดีย สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศในยุโรป ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.04% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.71% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.67% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ บวก 1.02%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านบวก 1 จุด สู่ระดับ 76 ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากราคาไม้ที่ปรับตัวลง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนส.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.