ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน และนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.12 จุด ร่วงลง 7.72 จุด หรือ -1.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,455.81 จุด ลดลง 114.38 จุด หรือ -1.74%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,132.06 จุด ร่วงลง 358.11 จุด หรือ -2.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,903.91 จุด ลดลง 59.73 จุด หรือ -0.86%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงตามตลาดหุ้นเอเชียที่ดิ่งลงอย่างหนักจากความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันอยู่แล้วจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น, จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับบริษัทจีน
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันอังคารและพุธนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางของ 16 ประเทศจะจัดประชุมในสัปดาห์นี้ รวมถึง อังกฤษ, นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 3.6% ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราซึ่งพึ่งพาตลาดจีน อาทิ หุ้นหลุยส์วิตตอง, หุ้นเคอริ่ง, หุ้นแอร์เมส และหุ้นริชมอนต์ ร่วงลง 1.3-3.2%
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วง 3.1% หลังมีรายงานว่าปริมาณชิปของบริษัทตึงตัวมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา