ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทสลาและหุ้นเฟซบุ๊ก ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นไนกี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคลายความวิตกเกี่ยวกับปัญหาของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ของจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,798.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.18 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,455.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.50 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,047.70 จุด ลดลง 4.54 จุด หรือ -0.03%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.6%, ดัชนี S&P500 บวก 0.5% และดัชนี Nasdaq ทรงตัว โดยปรับตัวขึ้นไม่ถึง 0.1%
ตลาดฟื้นตัวขึ้นหลังนักลงทุนคลายความวิตเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ของจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 740,000 ยูนิตในเดือนส.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 714,000 ยูนิต อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 24.3% ในเดือนส.ค.
ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่ง 2% และหุ้นเทสลา พุ่ง 2.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน บวก 0.8% และหุ้นบริการสื่อสาร บวก 0.7%
แต่หุ้นไนกี้ ร่วงลง 6.3% หลังคาดการณ์ยอดขายลดลง อันเนื่องมาจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และหุ้นฟุต ล็อกเกอร์ ร่วงลงด้วยเช่นกัน
ส่วนหุ้นที่เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต อาทิ คอยน์เบส โกลบอล, ไมโครสตราติจี, ไรออต บล็อกเชน และมาราธอน พาเทนต์ กรุ๊ป ร่วงลง หลังธนาคารกลางจีนสั่งห้ามขุดและซื้อขายสกุลเงินคริปโต
บรรดานักลงทุนยังคงจับตารอสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณและการใช้จ่ายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน