ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐชะลอตัวลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.28% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด หรือ -0.52%
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 0.37% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ บวก 0.59% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.57% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.25% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) บวก 1.49% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.62%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นหลังจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 120,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงจากค่าเฉลี่ย 7 วันในช่วงที่มีการแพร่ระบาดสูงสุดเมื่อต้นเดือนก.ย.ซึ่งอยู่ที่ระดับกว่า 166,000 ราย
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 5.43% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.97% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 2.36%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.66% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.42% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 2.29% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.14%
อย่างไก็ดี การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.73% หุ้นแอปเปิล บวก 1.05% หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 0.8% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.91%
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ (28 ก.ย.) โดยทั้งสองจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมาธิการฯ จะทำการซักถามนายพาวเวลและนางเยลเลนเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ รวมทั้งร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ และประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงราคาบ้านเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน