ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณครั้งใหม่ที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 452.35 จุด ลดลง 10.07 จุด หรือ -2.18%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,506.50 จุด ลดลง 144.41 จุด หรือ -2.17%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,248.56 จุด ลดลง 325.32 จุด หรือ -2.09% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,028.10 จุด ลดลง 35.30 จุด หรือ -0.50%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงวันเดียวหนักที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนเตรียมรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 4.8% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐร่วงลง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความอ่อนไหวต่อการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการในอนาคตซึ่งจะลดลง หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการขยายตัวของผลกำไรของบริษัทด้านอุตสาหกรรรมของจีนชะลอตัวเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนส.ค. ขณะที่วิกฤตพลังงานกำลังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของผลผลิตและผลกำไรของบริษัทจีน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดแตะระดับสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล