ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้นในคืนนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายสำหรับเดือนก.ย.
ณ เวลา 20.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 104 จุด หรือ 0.3% สู่ระดับ 34,369 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นก่อนเปิดตลาดวันนี้
ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า สมาชิกวุฒิสภาได้บรรลุข้อตกลงสำหรับร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
นายชูเมอร์แถลง ก่อนที่วุฒิสภาจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้
"เราสามารถอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ถึงโต๊ะท่านประธานาธิบดีก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในช่วงเที่ยงคืนวันนี้" นายชูเมอร์กล่าว
ร่างกฎหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกทั้ง 100 คน
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงการให้เงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน และการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะมีการหารือกันหลังจากนี้
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลและนางเยลเลนได้กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร โดยระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.7% ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 6.5% และตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 6.6% หลังจากที่ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 1
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวในไตรมาส 3 โดยจะมีการขยายตัวต่ำกว่า 5% ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อยอดขายรถยนต์ รวมทั้งตัวเลขการสร้างบ้านและการซื้อบ้าน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 362,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 335,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการจ้างงานได้ชะลอตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 2.802 ล้านราย