ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ตลาดหุ้นบางแห่งในภูมิภาคปิดทำการวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,861.83 จุด ลดลง 590.83 จุด หรือ -2.01%
ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (1 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
ตลาดในภูมิภาคได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมถึงความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ซึ่งถึงแม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่นักลงทุนกังวลว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกขัดขวางจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ โดยหากสภาคองเกรสล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าว ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาวิกฤตพลังงานในจีน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนได้สั่งการให้บริษัทพลังงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทถ่านหินและน้ำมันให้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยรัฐบาลจีนมองว่าวิกฤตพลังงานที่ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้เดือนก.ย. พุ่งขึ้น 16.7% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 5.58 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ท่ามกลางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม โดยเป็นการเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2499 และสูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 5.54 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.ปีนี้