ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการประกาศเตือนเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 452.90 จุด ลดลง 1.91 จุด หรือ -0.42
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,517.69 จุด ลดลง 2.32 จุด หรือ -0.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,156.44 จุด ลดลง 104.25 จุด หรือ -0.68% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,027.07 จุด ลดลง 59.35 จุด หรือ -0.84%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในวันแรกของเดือนต.ค. โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์นำตลาดร่วงลง
ตลาดถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาคอขวดด้านอุปทานซึ่งมีแนวโน้มดำเนินต่อไปและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนและความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง 3.4% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายเดือนรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวลงเล็กน้อย
หุ้น Wetherspoon ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผับของอังกฤษ ร่วง 1.2% หลังเปิดเผยว่า บริษัทเผชิญความยากลำบากในการหาแรงงานและเปิดเผยยอดขาดทุนรายปีเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า
หุ้น AO World บริษัทค้าปลีกอุปกรณ์ไฟฟ้าออนไลน์ ร่วง 17.8% หลังเปิดเผยว่าขาดแคลนคนขับรถส่งของในสหราชอาณาจักรและภาวะชะงักงันในห่วงโซ่อุปทานโลกส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้