ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลง เนื่องจากมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นซึ่งอาจเป็นปัจจัยถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนถึงภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้น
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,658.31 จุด ร่วงลง 786.58 จุด หรือ -2.77% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,112.64 จุด เพิ่มขึ้น 76.27 จุด หรือ +0.32%
ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (5 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
ตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 11 พ.ย. 2557 ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 81.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า โอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐและอินเดียต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้