ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 400 จุด หลุดระดับ 34,000 จุด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่สูงกว่าคาดในวันนี้
ณ เวลา 21.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,875.33 จุด ลบ 439.34 จุด หรือ 1.28%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 568,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 425,000 ตำแหน่ง จากระดับ 340,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ภาคบริการมีการจ้างงาน 466,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงาน 102,000 ตำแหน่ง
สถิติบ่งชี้ว่า เดือนต.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวผันผวนมากที่สุด แต่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น และตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.8% ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. และ 1.5% ในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างปรับตัวลงในการซื้อขายวันนี้ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในระยะนี้ นอกจากนี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่เฟดใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ต.ค. ก่อนที่จะเกิดหายนะต่อเศรษฐกิจสหรัฐ