ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด ขานรับข่าวดีจากการที่วุฒิสภาสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 22.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,926.48 จุด บวก 509.49 จุด หรือ 1.48%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจต่างก็ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้
ข้อมูลจาก "Stock Trader's Almanac" ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักฟื้นตัวขึ้นในเดือนต.ค. และปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยเดือนต.ค.ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.8% ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. และ 1.5% ในเดือนธ.ค.
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ประกาศในวันนี้ว่า แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐจนถึงต้นเดือนธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนนี้
อย่างไรก็ดี นายชูเมอร์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าข้อตกลงดังกล่าวมีการระบุวงเงินเพดานหนี้หรือไม่ หรือระบุแต่เพียงการขยายเวลาออกไป แต่ผู้ช่วยวุฒิสมาชิกรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์จะเอ่ยนาม เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐอีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เสนอให้มีการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐจากระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน สู่อีกระดับหนึ่งที่มีการกำหนดวงเงินตายตัว อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตต้องการให้มีการระงับการกำหนดวงเงินของเพดานหนี้โดยสิ้นเชิง หรือให้มีการเพิ่มเพดานหนี้จนถึงสิ้นปี 2565
หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ต.ค. ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 326,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. จากระดับ 364,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 345,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้พิจารณาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.