ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น หลังจากตลาดลดลงในช่วงเช้าจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 457.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.24 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,570.54 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,199.14 จุด ลดลง 6.99 จุด หรือ -0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,146.85 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +0.72%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น 3% โดยเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่ราคาสินแร่เหล็กและถ่านหินโค้กทะยานขึ้นจากความวิตกด้านอุปทาน และราคาโลหะพื้นฐานพุ่งขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วยมากกว่า 1% หลังภาวะพลังงานตึงตัวทั่วโลกหนุนราคาน้ำมันดิบ แต่หุ้นกลุ่มเดินทาง, กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวลง
นักลงทุนวิตกว่าต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 โดยตลาดปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.10% ภายในสิ้นปีหน้า
หุ้นเอชเอสบีซี, หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นแนตเวสต์ กรุ๊ป ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2% หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แสดงความเห็นสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า BoE อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.นี้