ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่เจพีมอร์แกน เชส รายงานผลกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ตาม แรงบวกไม่สูงนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ ซึ่งตลาดจับตาอย่างมาก
ณ เวลา 19.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 35 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 34,295 จุด
ภาวะการซื้อขายในช่วงก่อนเปิดตลาดได้แรงหนุนจากการที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.74 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.92 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ กำไรต่อหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส ยังออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 3 ดอลลาร์ต่อหุ้น
เจมี ไดมอน ประธานกรรมการและซีอีโอ กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารออกมาแข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงเติบโตดี แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา และซัพพลายเชนที่หยุดชะงักก็ตาม
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส บวก 0.3% หลังเปิดเผยผลประกอบการ ทั้งนี้ ผลประกอบการของเจพีมอร์แกน เชส ถูกมองว่าเป็นภาพสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐ
ธนาคารใหญ่รายอื่นๆ ของสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐ และรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ไทม์ไลน์ที่เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย