ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) โดยปรับตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มที่เกี่ยวกับการเดินทางนำตลาดปรับตัวลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,203.83 จุด ลดลง 30.20 จุด หรือ -0.42%
บรรดานักลงทุนคาดว่า BoE อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนพ.ย.และธ.ค.นี้ และจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า หลังจากนายแอนดริว ไบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณว่า BoE จะดำเนินการเพื่อสกัดกั้นการคาดการณ์เงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอังกฤษยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาด้านอุปทานและต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 5.2% และเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 3 ไตรมาส โดยเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนพลังงาน, ภาวะติดขัดด้านอุปทาน, การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการที่รัฐบาลควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์