ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายถูกกดดันจากความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ประสบความล้มเหลวในการขายสินทรัพย์มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 469.71 จุด ลดลง 0.36 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,686.17 จุด ลดลง 19.44 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,472.56 จุด ลดลง 50.36 จุด หรือ -0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,190.30 จุด ลดลง 32.80 จุด หรือ -0.45%
ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียน และการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงด้วย แต่แรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยและกลุ่มเติบโตได้ช่วยพยุงตลาด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งพึ่งพาตลาดจีน ร่วงลง 3% หลังราคาสินแร่เหล็กและราคาโลหะพื้นฐานร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.7% แม้รายงานยอดการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น 2% ในไตรมาส 3
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนลดลง 0.8 จุดในเดือนต.ค.
หุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดของยุโรป ร่วงลง 3.2% และถ่วงตลาดหุ้นยุโรปลงมากที่สุด แม้เปิดเผยผลประกอบการเชิงบวก แต่บรรดาเทรดเดอร์ไม่มั่นใจกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท
หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 0.4% แม้ธนาคารบาร์เคลยส์ของอังกฤษ และนอร์เดียของฟินแลนด์รายงานผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้นก็ตาม