ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนป และบริษัทอินเทล กรุ๊ป ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุด ลดลง 125.50 หรือ -0.82%
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวยังคงปิดตลาดในแดนบวกได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 1.1%, ดัชนี S&P500 บวก 1.6% และดัชนี Nasdaq บวก 1.3%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มการเงิน เพิ่มขึ้น 1.33% ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ร่วงลง 2.28%
หุ้นสแนป ร่วงลงมากกว่า 25% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด และส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจโฆษณา อาทิ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ปิดตลาดร่วงลงด้วยราว 5%
หุ้นอินเทล ดิ่งลงเกือบ 12% หลังคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด ขณะที่ซีอีโอระบุว่า การขาดแคลนชิปกระทบยอดขายของบริษัท
หุ้นอินเทลฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง ขณะที่หุ้นแอมะซอน.คอมปรับตัวลงด้วย แต่หุ้นกลุ่มการเงินได้แรงหนุนจากหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งพุ่งขึ้น 5.4% หลังเปิดเผยผลกำไรสูงเกินคาดเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน
ข้อมูลจาก Refinitiv บ่งชี้ว่า บรรดานักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในดัชนี S&P500 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 34.8% เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 31.9% ที่คาดไว้ในช่วงต้นสัปดาห์นี้
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐขยายตัวในเดือนต.ค. โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.0 ในเดือนก.ย. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัว โดยมีปัจจัยกดดันอยู่บ้างจากปัญหาคอขวดในภาคการผลิต
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 58.2 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. และทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือนเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 59.2 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 60.7 ในเดือนก.ย. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน