ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ทะลุแนว 36,000 ทำนิวไฮ ไม่หวั่นเฟดหั่น QE พรุ่งนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 2, 2021 23:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ทะลุระดับ 36,000 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังการประชุมนโยบายการเงินพรุ่งนี้

ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 36,027.37 จุด บวก 113.53 จุด หรือ 0.32%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุมพรุ่งนี้ เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

ที่ผ่านมา เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักในปี 2556 หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งเป็นประธานเฟดในขณะนั้น ประกาศปรับลดวงเงิน QE โดยไม่มีการส่งสัญญาณล่วงหน้า ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก และพากันเทขายหุ้นในตลาด

อย่างไรก็ดี คาดว่าการซื้อขายในตลาดจะเป็นไปอย่างราบรื่นในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเฟดประกาศปรับลดวงเงิน QE ก็ตาม เนื่องจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของนายเบอร์นันเก้ ทำให้นายพาวเวลส่งสัญญาณต่อตลาดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษของเฟด โดยเฟดจะกลับไปใช้นโยบายการเงินแบบปกติด้วยการยุติมาตรการ QE และตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

นอกจากนี้ หากเฟดสามารถเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงินได้อย่างราบรื่น ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้นายพาวเวลได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว ก่อนที่นายพาวเวลจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในช่วงต้นปี 2565

ราคาหุ้นของไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 4% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ในปีนี้ขึ้นอีก 7.5% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ระดับ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ การปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ไฟเซอร์สามารถลงนามในข้อตกลงกับหลายประเทศในการจำหน่ายวัคซีนเข็มกระตุ้น และจากการที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆให้การอนุมัติการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้แก่เด็ก

ขณะนี้ วัคซีนต้านโควิด-19 ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของไฟเซอร์ในประวัติศาสตร์ 172 ปีของบริษัท

อย่างไรก็ดี ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับบริษัทไบออนเทค ซึ่งร่วมพัฒนาวัคซีนต้านโควิดแบบ mRNA ไฟเซอร์จะแบ่งค่าใช้จ่ายและกำไรจากการจำหน่ายวัคซีนในสัดส่วน 50-50 กับไบออนเทค

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของบริษัทเทสลาดิ่งลง 2% ในการซื้อขายวันนี้ หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลายอมรับว่า ทางบริษัทยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทเฮิร์ซเพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 100,000 คันแต่อย่างใด

"ผมขอย้ำว่ายังไม่มีการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด โดยเรื่องข้อตกลงกับเฮิร์ซไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของเรา" นายมัสก์ระบุ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของเทสลาพุ่งขึ้นกว่า 10% ในวันที่ 25 ต.ค. หลังมีข่าวว่า บริษัทเฮิร์ซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถยนต์เช่ารายใหญ่ของโลก ได้สั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาจำนวน 100,000 คัน ส่งผลให้เทสลากลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับแอปเปิล แอมะซอน และไมโครซอฟท์

คำสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นคำสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด และจะทำรายได้ให้แก่เทสลาถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์

ราคาหุ้นของเทสลายังได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทเรียกคืนรถยนต์จำนวนเกือบ 12,000 คันที่มีการจำหน่ายในสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากมีปัญหาของซอฟท์แวร์ซึ่งอาจทำให้ระบบเบรกฉุกเฉินทำงานผิดปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ