ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ปรับตัวขึ้น แต่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาด ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่479.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด หรือ +0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,927.03 จุด เพิ่มขึ้น 33.74 จุด หรือ +0.49%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,954.45 จุด เพิ่มขึ้น 148.16 จุด หรือ +0.94% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,274.81 จุด ลดลง 13.81 จุด หรือ -0.19%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์นำตลาดปรับตัวขึ้น 1.3% หลังบริษัท Demant ของเดนมาร์กปรับเพิ่มแนวโน้มผลกำไรทั้งปี
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 2.9% ตามราคาสินแร่เหล็กและทองแดงที่ร่วงลง โดยหุ้นแอนโทฟากัสตา และหุ้นอาร์เซลอร์มิตตัล ปรับตัวลงมากที่สุด
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาด โดยข้อมูลจาก Refinitiv บ่งชี้ว่า บริษัทราว 166 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมาแล้ว ซึ่ง 65.7% รายงานผลกำไรสูงเกินคาด
หุ้นเฮลโลเฟรช พุ่งขึ้น 17.3% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปีนี้
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตของยูโรโซนยังคงแข็งแกร่งในเดือนต.ค.
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของเฟดและ BoE ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าทั้งสองธนาคารจะออกมาตรการเพื่อควบคุมการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา