ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 36,000 จุดเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,921.23 จุด ลดลง 158.71 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,649.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,704.28 จุด เพิ่มขึ้น 81.58 จุด หรือ +0.52%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ร่วงลง 7.07% และเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2564 โดยกำไรต่อหุ้นของดิสนีย์อยู่ที่ระดับ 37 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 51 เซนต์ ส่วนจำนวนสมาชิกที่ใช้บริการสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัส (Disney+) เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านราย แตะระดับ 118.1 ล้านราย ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 125.4 ล้านราย
นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปียังส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดย FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ค.2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ย.2565
หุ้นเทสลา ปรับตัวลง 0.42% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้เทขายหุ้นเทสลากว่า 930,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่เขาได้ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามเขาในทวิตเตอร์ว่า เขาควรขายหุ้น 10% ในเทสลาเพื่อนำเงินไปจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวนดังกล่าว
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นขานรับการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ปรับตัวลง 0.4% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.35% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ ลดลง 0.49% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 0.5%
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.65% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.49% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.55%
หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 2.37% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Tmall ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดในปีนี้ (11.11) พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.403 แสนล้านหยวน (8.454 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน