ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 36,208.18 จุด บวก 120.73 จุด หรือ 0.33%
บริษัทวอลมาร์ทและโฮม ดีโปท์ต่างพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
การซื้อขายในตลาดได้ปัจจัยบวกจากยอดค้าปลีกของสหรัฐที่สูงกว่าคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย.
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามในกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยโครงการดังกล่าวจะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
นักลงทุนยังขานรับการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันนี้
ทั้งนี้ บรรยากาศการเจรจาของผู้นำสหรัฐและจีนเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันท์มิตร โดยทั้งสองต่างยืนยันที่จะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดสันติภาพและการพัฒนาทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการประชุมระหว่างปธน.ไบเดนและปธน.สี จิ้นผิงได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และมีโอกาสที่ประเทศทั้งสองจะยุติการทำสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในสมัยของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
"การประชุมดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด และจะปูทางไปสู่การเจรจาการค้า โดยสหรัฐอาจผ่อนคลายมาตรการทางการค้าต่อจีน" นายเรย์มอนด์ เหยิง นักเศรษฐศาสตร์จากเอเอ็นแซดกล่าว
ทั้งนี้ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา