ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (16 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น แม้การคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งได้ช่วยจำกัดการปรับตัวลงของตลาดก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,326.97 จุด ลดลง 24.89 จุด หรือ -0.34%
ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า และหุ้นแกล็กโซสมิธไคล์น ร่วงลง 4.1% และ 1.9% ตามลำดับ
การร่วงลงของหุ้นกลุ่มส่งออก อาทิ บริติช อเมริกัน โทแบคโค, เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ และยูนิลีเวอร์ ถ่วงตลาดลงด้วย
แต่หุ้นโวดาโฟน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พุ่งขึ้น 4.8% สวนทางตลาด หลังปรับเพิ่มแนวโน้มกระแสเงินสดอิสระ หลังรายงานผลประกอบการขยายตัวแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นเพียง 13.5% ในปีนี้ ซึ่งล้าหลังตลาดหุ้นอื่น ๆ ในยุโรปและตลาดหุ้นสหรัฐ โดยถูกกดดันจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน
ตลาดได้ปรับตัวรับโอกาสเกือบ 100% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.25% จากระดับ 0.1% ในเดือนธ.ค.
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษในวันพุธนี้ (17 พ.ย.)