ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ในแดนลบตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้นในหลายตลาดท่ามกลางแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อและยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและเอเชีย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,451.41 จุด ลดลง 236.92 จุด หรือ -0.80% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,305.07 จุด ลดลง 345.01 จุด หรือ -1.35%
รายงานข่าวระบุว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก หลังปิดร่วงหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่วา รัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564 ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.15 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 80.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564
นักลงทุนยังคงกังวลหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค. 2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค. 2565
ขณะเดียวกัน นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกได้กล่าวย้ำว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงช่วงกลางปี 2565 ขณะที่เฟดจะต้องตรวจสอบว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงจะชะลอตัวลงตามที่เขาคาดไว้หรือไม่