ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นและแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มที่ธนาคารกลางทั่วโลกอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่ช้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,718.62 จุด เพิ่มขึ้น 119.96 จุด หรือ +0.41% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,874.90 จุด ลดลง 444.82 จุด หรือ -1.76%
ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคได้รับแรงหนุนราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังสัญญาน้ำมันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในระหว่างวัน หลังมีข่าวว่าสหรัฐเรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 79.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 81.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเงินเฟ้อในภูมิภาคนั้น ญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดซึ่งมีความผันผวน ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี สะท้อนถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานอย่างมาก ทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญกับความผันผวน และเงินเยนที่อ่อนค่าลงก็ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้นด้วย