ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ โดยตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนตัดสินใจเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2
ณ เวลา 20.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 30 จุด หรือ 0.08% สู่ระดับ 35,601 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.05% เมื่อคืนนี้ หลังจากทะยานขึ้นกว่า 200 จุดในการซื้อขายระหว่างวัน ขานรับการเสนอชื่อนายพาวเวลดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างซบเซาในวันนี้ ก่อนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจำนวนมากในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 2-3 พ.ย.
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศในวันนี้ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้ SPR มีน้ำมันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดิบที่ถูกระบายออกมาจะเข้าสู่ตลาดภายในเวลา 13 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งดังกล่าว
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรอาจระบายน้ำมันรวม 100-120 ล้านบาร์เรลออกสู่ตลาด โดยสหรัฐจะระบายน้ำมัน 45-60 ล้านบาร์เรล, จีน 30 ล้านบาร์เรล, อินเดีย 5 ล้านบาร์เรล, ญี่ปุ่น 10 ล้านบาร์เรล และเกาหลีใต้ 10 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการระบายน้ำมันจากคลังสำรองจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดเพียง 2-3 สัปดาห์
ทั้งนี้ สหรัฐพยายามโน้มน้าวให้ประเทศต่างๆ ทำการระบายน้ำมันจากคลังสำรอง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน