ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวไร้ทิศทางและปิดภาคเช้าลดลงเป็นส่วนใหญ่ โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงซื้อขายอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,500.57 จุด เพิ่มขึ้น 197.91 จุด หรือ +0.68% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,714.83 จุด เพิ่มขึ้น 29.33 จุด หรือ +0.12%
ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลง หลังมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในการตอบโต้มาตรการของสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ตัดสินใจระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรอง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดตลาดวานนี้ที่ 78.39 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดวานนี้ที่ 82.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 481,000 บาร์เรล ทางด้านนักลงทุนจับตาท่าทีของกลุ่มโอเปกพลัส ในการตอบโต้มาตรการของสหรัฐและประเทศพันธมิตรในการระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรอง โดยสหรัฐประกาศว่าจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยุโรปนั้น ล่าสุดนั้น เยอรมนีได้ยกระดับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เรียกว่ากฎ 3G (geimpft, getestet, genesen) ซึ่งเป็นการบังคับแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน, แสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบ หรือแสดงหลักฐานว่าหายป่วยแล้ว และจะบังคับใช้ในสถานที่ทำงานและในระบบขนส่งสาธารณะ โดยมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวานนี้ (24 พ.ย.)
รัฐบาลเยอรมนีระบุว่า ผู้โดยสารที่ต้องการใช้ระบบขนส่งสาธารณะโดยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือไม่มีใบรับรองว่าหายป่วยแล้วนั้น "ต้องมีหลักฐานแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ" พร้อมเน้นย้ำว่า จะไม่ยอมรับผลการตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง