ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันศุกร์ (26 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้น หลังจากรายงานการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจดื้อวัคซีนนั้น ทำให้เกิดความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 464.05 จุด ร่วงลง 17.67 จุด หรือ -3.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,739.73 จุด ร่วงลง 336.14 จุด หรือ -4.75%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,257.04 จุด ร่วงลง 660.94 จุด หรือ -4.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,044.03 จุด ร่วงลง 266.34 จุด หรือ -3.64%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 และร่วงลง 4.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนีความผันผวน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้, บอตสวานาและฮ่องกง โดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวที่มีชื่อว่า B.1.1.529 นั้น เป็นไวรัสที่อาจสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ และอาจแพร่ระบาดได้มากขึ้น
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ร่วงลง 8.8% รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
อังกฤษประกาศว่า จะเริ่มแบนเที่ยวบินชั่วคราวจาก 6 ประเทศในแอฟริกาตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันศุกร์ (26 พ.ย.) เป็นต้นไป ขณะที่สหภาพยุโรปวางแผนที่จะดำเนินการดังกล่าวเช่นกัน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ร่วงลงกดดันหุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดิ่งลง 6.9%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ร่วง 5.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วง 5.0% เนื่องจากราคาโลหะและน้ำมันลดลง หลังรายงานการพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการที่ประชาชนต้องอยู่บ้าน (stay-at-home) ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด