ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดิ่งลงในวันศุกร์ (26 พ.ย.) โดยร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจดื้อวัคซีนนั้น ได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงตามกัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,044.03 จุด ร่วงลง 266.34 จุด หรือ -3.64%
ดัชนี FTSE 100 ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์, กลุ่มเดินทาง และกลุ่มธนาคาร นำตลาดร่วงลง
อังกฤษระบุว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์พิจารณาว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้นั้นเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกที่สุดที่เคยตรวจพบ และจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวหรือไม่
หุ้น TUI ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยว ร่วงเกือบ 10% ขณะที่หุ้นบริษัทสายการบิน อาทิ วิซซ์ แอร์, อีซีเจ็ต และไอเอจีซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลงราว 15% หลังอังกฤษกำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทางจาก 6 ประเทศในแอฟริกา รวมถึงแอฟริกาใต้
ความวิตกเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงถ่วงดัชนี FTSE 100
หุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษ อาทิ เอชเอสบีซี, ลอยด์ส แบงก์ และบาร์เคลย์ส ร่วงลงเกือบ 5% เนื่องจากนักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 6.3% และ 4.4% ตามลำดับ โดยร่วงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์จากความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่