ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงจับตาการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,047.62 จุด เพิ่มขึ้น 225.86 จุด หรือ +0.81% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 23,804.87 จุด เพิ่มขึ้น 329.61 จุด หรือ +1.40%
ตลาดยังคงจับตาการระบาดของไวรัสโอไมครอน โดยล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่า มาตรการระงับการเดินทางแบบเหวี่ยงแห (Blanket Travel Bans) นั้นไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ทั่วโลก แม้หลายประเทศจะได้นำมาตรการดังกล่าวไปใช้แล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยังระบุว่ามาตรการระงับการเดินทางดังกล่าวจะสร้างภาระหนักต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และอาจทำให้ประเทศต่าง ๆ ขาดความกระตือรือร้นที่จะรายงานและเผยแพร่ข้อมูลด้านระบาดวิทยาและลำดับทางพันธุกรรมของไวรัส
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่รายงานไปแล้วนั้น มาร์กิตและไฉซินเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ย. ลดลงแตะระดับ 49.9 จากระดับ 50.6 ในเดือนต.ค. เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง, การจ้างงานลดลง และราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตัวเลข PMI ซึ่งรายงานโดยไฉซินนั้น สวนทางกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 50.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.2 ในเดือนต.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.6
ทางด้านเกาหลีใต้เผยว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 32.1% เมื่อเทียบรายปี และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ชิปและน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของออสเตรเลียในไตรมาส 3/2564 หดตัวลง 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัว 2.7% และยังดีกว่าในไตรมาส 3/2563 ที่หดตัวลง 6.8% ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ออสเตรเลียประกาศล็อกดาวน์เป็นครั้งแรก โดยปัจจัยที่ทำให้ตัวเลข GDP ออสเตรเลียหดตัวนั้น มาจากพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เช่น รัฐนิวเซาท์เวลส์, รัฐวิกตอเรีย และเขตเมืองหลวงออสเตรเลียต่างก็อยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เป็นเวลาส่วนใหญ่หรือตลอดช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา