ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสชนิดใหม่ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 23 ประเทศทั่วโลกได้รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนแล้ว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,750.67 จุด ลดลง 184.95 จุด หรือ -0.66% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 23,714.00 จุด เพิ่มขึ้น 55.08 จุด หรือ +0.23%
ทั้งนี้ นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO เปิดเผยว่า "ขณะนี้มีอย่างน้อย 23 ประเทศใน 5 จาก 6 ภูมิภาคที่เป็นสมาชิกของ WHO รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอน และเราคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น"
"WHO ให้ความสำคัญกับสถานการณ์นี้อย่างจริงจัง และทุกประเทศทั่วโลกควรจะดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่เราก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะนี่คือพฤติการณ์ปกติของไวรัสอยู่แล้ว และยังจะดำเนินเช่นนี้ต่อไปตราบใดที่เรายังปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายไปอย่างไม่หยุดยั้ง" นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสกล่าวด้วยว่า ยังคงมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวอีกมากทั้งในด้านผลกระทบของไวรัสที่มีต่อการแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและประสิทธิภาพของการทดสอบ การรักษาและวัคซีน
ทางด้านดร.มาเรีย แวน เคอร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ของ WHO คาดว่าจะมีข้อมูลมากขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้เกี่ยวกับความสามารถในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยการคาดการณ์ดังกล่าวเร็วขึ้นกว่าจากเดิมที่ WHO คาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ต้องใช้เวลา "หลายสัปดาห์" ในการประเมินข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับโอไมครอนหลังจากกำหนดให้เป็น "สายพันธุ์ที่น่ากังวล" ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของ WHO
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ข่าวดังกล่าวกดดันภาวะการซื้อขายในช่วงเปิดตลาดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วย