ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,927.43 จุด เพิ่มขึ้น 383.25 จุด หรือ +1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,709.85 จุด เพิ่มขึ้น 75.76 จุด หรือ +1.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,565.58 จุด เพิ่มขึ้น 327.94 จุด หรือ + 2.15%
ที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565
นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และปรับขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปี 2566 และปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2567
ไมค์ โลเวนการ์ท นักวิเคราะห์จากบริษัท E-Trade Financial กล่าวว่า "ตลาดขานรับผลการประชุมเฟดครั้งนี้เนื่องจากไปตามที่คาดการณ์ไว้ และแม้ว่าเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปี 2565 แต่นักลงทุนมองว่านี่เป็นการส่งสารที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้มองเห็นภาพรวมในอนาคตที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย"
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.85% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.92% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 1.18% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.76%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น 2.1% โดยหุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) ทะยานขึ้น 10.39% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.56% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 3.11% หุ้นแอมเจน ดีดขึ้น 2.58%
หุ้นบริษัทผลิตวัคซีนพุ่งขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากความต้องการวัคซีนเข็มบูสเตอร์เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยหุ้นโนวาแวกซ์ ทะยานขึ้น 6.57% หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 5.87% หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 0.44% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่สัญชาติอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 1.77% หลังจาก GSK ออกแถลงการณ์ร่วมกับซาโนฟี่ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของฝรั่งเศสว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นแบบโดสเดียวของบริษัทสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้บริษัทกำลังเร่งทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ โดยขณะนี้ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ได้ถูกส่งให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต