ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (15 ธ.ค.) เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง และจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีก่อนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,170.75 จุด ลดลง 47.89 จุด หรือ -0.66%
นักลงทุนจะจับตาการประชุมของ BoE และไม่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ แม้เงินเฟ้อสูงพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนพ.ย.ก็ตาม เนื่องจากมีความวิตกกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอการประกาศมตินโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังเวลาปิดตลาดหุ้นลอนดอน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงการเร่งปรับลดการซื้อพันธบัตรและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ ร่วงลงราว 1.6% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าอุปทานน้ำมันจะแซงหน้าอุปสงค์ในปีหน้า
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม ร่วงลง 2.1% เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงก่อนรู้ผลการประชุมเฟด
หุ้นซีนเวิลด์ ร่วง 39.4% หลังศาลแคนาดาตัดสินให้ซีนเวิลด์จ่ายค่าเสียหายจากการยกเลิกข้อตกลงเทคโอเวอร์ให้กับซีนีเพล็กซ์ เป็นมูลค่า 957 ล้านดอลลาร์
หุ้นไอเอจี เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วง 5.1% หลังเปิดเผยว่าจะยกเลิกการเทคโอเวอร์บริษัทแอร์ ยูโรปา
หุ้นเรนโทคิล อินิเชียล ร่วงลงต่อ 4.7% หลังเสนอซื้อบริษัทเทอร์มินิกซ์ของสหรัฐซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง เป็นวงเงิน 6.7 พันล้านดอลลาร์