ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนแถลงยืนยันว่า สหรัฐจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เหมือนกับที่เคยทำในเดือนมี.ค. 2563 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเดินทาง รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไมครอน เทคโนโลยี และไนกี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,492.70 จุด เพิ่มขึ้น 560.54 จุด หรือ +1.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,649.23 จุด เพิ่มขึ้น 81.21 จุด หรือ +1.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,341.09 จุด เพิ่มขึ้น 360.14 จุด หรือ +2.40%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของปธน.ไบเดนที่ยืนยันกับชาวอเมริกันเมื่อคืนนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เหมือนกับที่เคยทำในเดือนมี.ค. 2563 พร้อมกับขอความร่วมมือให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนได้อนุมัติการแจกชุดตรวจโควิด-19 แบบ rapid test ฟรีจำนวน 500 ล้านชุดให้แก่ประชาชน เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และจะจัดส่งบุคลากรทางการแพทย์ของรัฐบาลกลางไปยังโรงพยาบาลที่กำลังเผชิญปัญหาในการรับมือกับผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงฤดูหนาวนี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นจากแรงช้อนซื้อ หลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยห้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.91% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.31% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 1.88% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.32%
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นจากแรงช้อนซื้อเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.89% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.79% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.91% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 8.68% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 5.44%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 3.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.94% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 2.27% หุ้นเชฟรอน บวก 1.6% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พ่งขึ้น 3.03%
หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ทะยานขึ้น 10.54% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และเป็นปัจจัยหนุนบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 1.65% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 4.98% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (เอเอ็มพี) ทะยานขึ้น 6.22% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.36%
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 6.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงินที่สิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย. 2564 โดยระบุว่าบริษัทมีกำไรต่อหุ้น 83 เซนต์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 78 เซนต์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแตะ 1.136 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.124 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน