ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (21 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มเดินทางที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากตลาดร่วงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันจันทร์จากความวิตกที่ว่า การพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะทำให้มีการออกมาตรการจำกัดรอบใหม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 99.38 จุด หรือ +1.38%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยในช่วงเช้าวันอังคารว่า จะเสนอเงิน 1 พันล้านปอนด์ (1.3 พันล้านดอลลาร์) ให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการไวรัสโอมิครอน
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ เพิ่มขึ้นเกือบ 1% โดยปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 2.2% ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองแดง
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ พุ่งขึ้น 3.2% หลังร่วง 0.7% เมื่อวันจันทร์
หุ้นชโรเดอร์ พุ่งขึ้น 3.1% หลังบรรลุข้อตกลงซื้อบริษัทกรีนโค้ต แคปิตอล โฮลดิ้งส์ เป็นเงิน 358 ล้านปอนด์ (473.17 ล้านดอลลาร์)
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 13% แล้วในปีนี้ แต่ปรับตัวล้าหลังตลาดหุ้นยุโรปอื่น ๆ และตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาด อาทิ กลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ซึ่งมีสัดส่วนสูงในดัชนี
หนังสือพิมพ์เดอะ ซัน รายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมทำการประกาศภายในเวลา 48 ชั่วโมงข้างหน้าว่ารัฐบาลจะยกระดับมาตรการคุมเข้มเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่
ธนาคารลอยด์เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของอังกฤษเริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในเดือนนี้ ควบคู่ไปกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นด้านราคาและค่าจ้างแรงงาน