ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (22 ธ.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 478.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.37 จุด หรือ +0.92%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,051.67 จุด เพิ่มขึ้น 86.68 จุด หรือ +1.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,593.47 จุด เพิ่มขึ้น 146.03 จุด หรือ +0.95% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,341.66 จุด เพิ่มขึ้น 44.25 จุด หรือ +0.61%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งขึ้น ตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม, เดินทาง และก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องที่เบาบางและความเสี่ยงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนทำให้ตลาดผันผวนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) สัญญาที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินด้วยการเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์ชั่วคราวก่อนยุติโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนมี.ค.ปีหน้า
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น แม้รัฐบาลเตรียมใช้มาตรการใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนวันปีใหม่ ซึ่งรวมถึงการรวมตัวของประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วได้สูงสุด 10 คน
สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์โควิดครั้งใหม่ หรือข้อจำกัดอื่นๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
หุ้นดีลิเวอร์รี ฮีโรของเยอรมนี พุ่งขึ้น 7.4% หลังเปิดเผยว่าจะลดขนาดการดำเนินงานของฟู้ดแพนด้าในประเทศ และขายธุรกิจดังกล่าวในญี่ปุ่น
หุ้นเมอส์ก (Maersk) บริษัทขนส่งสัญชาติเดนมาร์ก ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังตกลงที่จะซื้อกิจการของแอลเอฟ โลจิสติกส์ในฮ่องกงด้วยข้อตกลงเงินสดมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์