ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานยอดค้าปลีกช่วงเทศกาลที่แข็งแกร่งในสหรัฐ รวมทั้งผลวิจัยจากหลายสถาบันที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,302.38 จุด เพิ่มขึ้น 351.82 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,791.19 จุด เพิ่มขึ้น 65.40 จุด หรือ +1.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,871.26 จุด เพิ่มขึ้น 217.89 จุด หรือ +1.39%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทมาสเตอร์การ์ด อิงค์เปิดเผยรายงานว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐในช่วงเทศกาลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.จนถึงวันที่ 24 ธ.ค. ปรับตัวขึ้น 8.5% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าทางออนไลน์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 11% และจากการที่ร้านค้าต่าง ๆ เสนอโปรโมชั่นให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลการศึกษาของแอฟริกาใต้ อังกฤษ และสกอตแลนด์ซึ่งต่างก็บ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่น
ดูบราฟโก ลาคอส-บูชาส นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน แสดงความเห็นว่า ไวรัสโอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่กลับมีแนวโน้มที่จะเร่งไปสู่การยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของเจพีมอร์แกนที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า รูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีตบ่งชี้ว่าไวรัสที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงเชื่อว่าโอมิครอนจะเป็นตัวเร่งให้การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 กลายเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 75 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.98% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 1.41% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.04% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.84% หุ้นไดมอนด์แบค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 4.91%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสเช่นกัน โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) พุ่งขึ้น 3.26% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 2.32% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ทะยานขึ้น 5.62% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.3%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังมีรายงานว่าสายการในสหรัฐประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 800 เที่ยวบินเมื่อวานนี้ และมีการระงับเที่ยวบินมากกว่า 3,000 เที่ยวบินในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 0.65% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวลง% หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.76% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวยส์ ปรับตัวลง 0.75%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนต.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์