หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตวัคซีนต่างร่วงลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ ราคาหุ้นบริษัทโมเดอร์นาดิ่งลง 1.6% ก่อนเปิดตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ปรับตัวลงเช่นกัน
นักลงทุนคลายความกังวล หลังผลการศึกษาจากแอฟริกาใต้ อังกฤษ และสกอตแลนด์บ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ แม้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
"เราไม่คาดว่าโอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับมีแนวโน้มเร่งไปสู่การยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายดูบราฟโก ลาคอส-บูชาส นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส ระบุในรายงานที่มีการเปิดเผยวานนี้
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของนายมาร์โก โคลาโนวิช หัวหน้านักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
"เรามองว่าปีหน้าจะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยุติลง และเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยสภาวะตลาดกลับสู่ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19" นายโคลาโนวิชระบุในรายงาน
"แม้ว่าโอมิครอนจะระบาดได้รวดเร็วกว่า แต่รายงานก็บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้มีความรุนแรงน้อยกว่า ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีต และเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณว่าการแพร่ระบาดใกล้ยุติแล้ว"
"โอมิครอนสอดคล้องกับรูปแบบในอดีตที่บ่งชี้ว่า ไวรัสที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งจะทำให้โอมิครอนเป็นตัวเร่งให้การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 กลายเป็นเพียงบางสิ่งที่คล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น" รายงานระบุ
นายโคลาโนวิชยังคาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นเกือบ 8% ในปีหน้า สู่ระดับ 5,050 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ทะยานขึ้น 18% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวแตะ 2.25% ในช่วงสิ้นปี 2565