ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่าราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนพ.ย.และธ.ค.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,403.01 จุด ลดลง 17.68 จุด หรือ -0.24%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างก็ลดลงเกือบ 0.6% หลังรัฐบาลจีนปรับลดโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับโรงกลั่นน้ำมันเอกชน และมอบโควตานำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่ให้กับโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สร้างมลพิษน้อยกว่า ตามแผนการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อลดมลพิษและแก้ปัญหาการดำเนินการที่ผิดกฎระเบียบ
ส่วนหุ้นยูนิลีเวอร์, หุ้นเร็กคิตต์ เบนไคเซอร์ และหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ปรับตัวลงราว 0.1% - 1.1% โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากเนชั่นไวด์รายงานว่า ราคาบ้านในอังกฤษเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.0% จากเดือนพ.ย. ส่งผลให้ราคาบ้านตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาบ้านในอังกฤษจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
นอกจากนี้ ราคาบ้านในเดือนธ.ค. ยังเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ขณะที่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 254,822 ปอนด์
ทั้งนี้ ตลาดบ้านของอังกฤษดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังผ่านพ้นการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 รอบแรกเมื่อปี 2563 และยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น โดยได้แรงหนุนจากการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงความต้องการบ้านหลังใหญ่ขึ้นเนื่องจากประชาชนต้องทำงานจากที่บ้านกันมากขึ้น